วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พิธีแต่งงานไทยมุสลิมภาคใต้โบราณ

ประเพณีการแต่งงานของชาวไทยมุสลิมภาคใต้
        การสืบทอดเผ่าพันธ์ของมนุษย์ ทุกภาษามีวัฒนธรรมประเพณีสืบทอดกันมา คือ การแต่งงานมีคู่ครองที่ผ่านการยอมรับจากสังคม ขั้นตอนกระบวนการในพิธีแต่งงานของแต่ละสังคมล้วนเป็นไปตามประเพณี  ซึ่งประเพณีการแต่งงานแบบมุสลิมภาคใต้ก็เช่นกัน 
    การประยุกต์ประเพณีการแต่งงานของไทยกับหลักศาสนบัญญัติว่าเรื่องการแต่งงานมุสลิม กล่าวคือ มีการเพิ่มขบวนขันหมากเข้าไป ขบวนแห่ กล้วย อ้อย ขนม การผสมผสานกันระหว่างประเพณีในท้องถิ่นกับหลักศาสนา ซึ่งการแต่งานของมุสลิมนั้นถือว่ามีความละเอียดสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความสำคัญมากเพราะต้องเป็นไปตามศาสนบัญญัติที่ว่า ต้องแต่งงานกับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามด้วยกันเท่านั้น ส่วนในกรณีที่อีกฝ่ายนับถืออีกศาสนาหนึ่ง ต้องเข้านับถือและยอมรับศาสนาอิสลามเสียก่อน

     
      พิธีแต่งงานไทยมุสลิมภาคใต้โบราณ เริ่มต้นตั้งแต่การสู่ขอ ก็คือมารดาหรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชาย ต้องไปสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง พร้อมทั้งของฝากอาจจะเป็นขนมหรือผลไม้ก็ได้ การสู่ขอนั้น ยังไม่มีการตกลง โดยจะบอกว่าขอเวลาประมาณ 7 วันในการปรึกษากับญาติพี่น้องเสียก่อน หากญาติฝ่ายหญิงพึงพอใจก็จะส่ง คนที่ได้รับความเคารพนับถือไปบอกในกรณีที่ตกลง จากนั้นก็จะเป็นกำหนดวันแต่งงาน เรื่องของสินสอด มะฮัรฺ
   เมื่อดำเนินการสู่ขอเสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการหมั้น ซึ่งการหมั้นก็จะมี 2 ลักษณะคือ หมั้นก่อนทำพิธีนิกะห์  หรือทำพิธีนิกะห์แล้วจึงทำพิธีหมั้น  ข้อแตกต่างกันก็คือ เมื่อหมั้นก่อน ฝ่ายชายไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวฝ่ายหญิงได้ แต่เมื่อทำพิธีนิกะห์แล้วทำพิธีหมั้น ฝ่ายชายสามารถแตะเนื้อต้องตัวได้ และสามารถสวมของหมั้นให้แก่ ฝ่ายหญิงได้  และยังสามารถจัดพิธีนั่งบัลลังก์ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมแสดงความยินดีได้อย่างสมเกียรติ 
   ส่วนขบวนขันหมากนั้น มักจะเลือกบุคลที่มีความสำเร็จในชีวิตสมรส หรือเป็นคนที่น่านับถือ สำหรับบางรายที่เคร่งครัดมากๆ ถึงขั้น ห้ามหญิง หม้าย กับสาวแก่ ถือขันหมากเลยทีเดียว

    การแต่งงานของมุสลิมต้องมีองค์ประกอบดังนี้
            ๑. เจ้าบ่าว
          ๒. เจ้าสาว
          ๓. ผู้ปกครองของฝ่ายหญิงเป็นผู้ให้ความยินยอม
          ๔. มีการกล่าวบอกและกล่าวรับรู้โดยผู้ปกครองของฝ่ายหญิง   เป็นผู้กล่าวบอกคำนิกะฮ  การนิกะฮ นิยมทำที่บ้านเจ้าสาว  ก่อนนิกะฮให้มีการอ่านคุฏบะฮ  เพื่ออบรมเกี่ยวกับการครองเรือนเสร็จแล้วจึงทำการนิกะฮว่า "(ขานชื่อเจ้าบ่าว)  ฉันจะนิกะฮเธอกับ  (ชื่อเจ้าสาว)  บุตร…….ซึ่งบิดาของเจ้าสาวได้มอบให้ฉันเป็นผู้ ทำพิธีนิกะฮแทน  โดยสินสอด  …………บาท" เจ้าบ่าวต้องรับด้วยวาจาทันทีโดยบอกกล่าวรับว่า "ฉันรับนิกะฮดังกล่าวด้วยสินสอด…………….. บาท" เมื่อเสร็จการถามตอบดังกล่าวแล้ว ก็ถือว่าการแต่งงานครั้งนั้นสมบูรณ์แล้ว  และหากต้องการเอกสารเพื่อยืนยันการสมรส  ก็จะขอให้โต๊ะอีหม่ามเป็นผู้ออกเอกสารนั้น

 
  
     การให้นั่งบัลลังก์ เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาว ญาติเจ้าสาวจะออกมาต้อนรับเจ้าบ่าว และนำเจ้าสาวมานั่ง ในบัลลังกืที่เตรียมไว้ ซึ่งช่วงนั้นจะเป็นเวลากลางคืน เบื่อบ่าวสาวนั่งบัลลังก์เรียบร้อยแล้ว จะมีการเชื้อเชิญญาติของทั้ง 2 ฝ่ายร่วมแสดงความยินดี จากนั้นจะเป็นการเชิญญาติผู้ใหญ่ทำพิธีกินสมางัต โดยการเอา ส้มแขก เกลือ ข้าว ป้อนให้คู่บ่าวสาว เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นเชิญญาติผู้ใหญ่ 3 คน มาป้อนขาวเหนียว 3 สี (ขาว แดง เหลือง) ไข่และขนม ให้กับคู่บ่าวสาว การป้อน ต้องป้อนแต่ละคนจนครบทุกอย่าง เมื่อญาติผู้ใหญ่ป้อนครบ 3 คนแล้ว ก็เป็นอันเสร็จพิธี ไม่มีพิธี มานีซลีมา (การอาบน้ำชำระมลทิน)และพิธีปลือป๊ะห์ (สะเดาะเคราะห์คู่บ่าวสาว)อย่างสมัยก่อน
   
    หลังจากการกินเหนียว (มาแกปูโละ)เป็นการกินเลี้ยงฉลองสมรส เสร็จแล้วจะมีการส่งตัวเจ้าสาว เพื่อแสดงการยอมรับเจ้าบ่าวว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว แต่เมื่อส่งตัวเสร็จ ต้องกลับไปนอนบ้านตัวเองก่อนจนครบ 3 คืน จึงไปอยู่บ้านอยู่บ้านเจ้าบ่าอีก 3 คืน หรือแยกครอบครัวออกไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น